จอคอมถูก vs จอแพงปี 2023 เลือกแบบไหนดี และต่างกันอย่างไร ซื้อแบบไฮเอนด์หรือจะประหยัด แบบไหนเหมาะกับคุณ
จอคอมถูก vs จอแพง ต่างกันอย่างไรในปี 2023 นี้ แล้วจะเลือกแบบไหนดี ให้ตรงใจ คุ้มค่าใช้จ่าย เราไปหาคำตอบกัน หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ จอคอมราคาถูก ก็มักจะเริ่มต้นกับการเป็นจอที่เรียบๆ ไม่มีลูกเล่นหวือหวา ต่างจากจอแพงๆ ที่มักจะมาพร้อมกับความอลังการ ตั้งแต่ดีไซน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่อยู่ภายใน แต่โดยพื้นฐานแล้ว บางครั้งจอที่ดูเรียบง่าย ดีไซน์ธรรมดา ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงได้เช่นกัน นั่นเพราะว่า ไม่ได้เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่อยู่ที่พาแนล เทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่อยู่ภายในนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ เราต้องมาว่ากันทีละจุด
จอคอมถูก vs จอแพง ปี 2023 แบบไหนดี?
1.การออกแบบ
ดีไซน์มักจะเป็นสิ่งที่เราได้เห็นและอาจทพให้หลายคนตัดสินใจเลือกจอคอมก่อนเป็นอันดับแรก และทำให้หลายคนตัดสินไปเลยว่า แบบนี้แพงแน่ๆ แต่แบบนี้ต้องเป็นจอถูก นั่นก็เพราะ ภาพลักษณ์ ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้จอดูแพงได้ชัดเจน แต่ย้ำว่าเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มาดูกันครับว่า เรื่องของดีไซน์ที่ทำให้หรูดูแพง มีอะไรบ้าง
สังเกตได้เลยว่า จะพวกฐานจอ และขาตั้งของจอราคาสูงๆ จะไม่ดูเรียบง่าย แต่ใส่ความโค้ง หรือเป็นก้านบางๆ ดูล้ำสมัย ประหยัดพื้นที่ แทนที่จะเป็นแบบเรียบๆ ที่เราคุ้นตากันดีนั่นเอง บางทีก็มีเรื่องของฟังก์ชั่นเสริมมาด้วย เช่น ที่เก็บสายไฟ สายสัญญาณ บางรุ่นมีที่แขวนหูฟัง วางมือถือได้ หรือบางครั้งก็มาพร้อมแสงไฟ RGB ตัวอย่างเช่น MSI Gaming monitor, Dell Alianware, AOC AGON และอีกหลายๆ รุ่น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะไม่ค่อยได้เห็นในจอคอมราคาประหยัดนัก เพราะเป็นลูกเล่นที่ทำมาเพื่อให้ดูพรีเมียมมากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องสีสันและวัสดุ
อย่างไรก็ดี เรื่องของดีไซน์และลูกเล่นที่เกี่ยวกับความสวยงาม ก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในการใช้งานโดยตรง บางอย่างเสริมเข้ามา เพื่อสร้างความโดดเด่นแปลกตา ไม่เหมือนใคร ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานกับลูกเล่นเหล่านั้น เลือกรุ่นที่รองลงมา ก็ประหยัดค่าใช่จ่ายไปได้ไม่น้อยเลย
2.พาแนลและการแสดงผล
อย่าเพิ่งตัดสินกันว่า จอคอมที่มีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่กว่าจะแพงกว่าเสมอไป เพราะถึงจะเป็นจอใหญ่ 29” แบบพื้นฐาน ความละเอียด 2K 1440p รีเฟรชเรต 60Hz ราคาก็ยังถูกกว่า 24” IPS 240Hz ที่เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ได้เช่นกัน เพราะมีความต่างของพาแนล และเทคโนโลยีที่มีมาให้ มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง แล้วคุณจะเลือกได้ง่ายขึ้น
พาแนล โดยพื้นฐานของจอแพงๆ รุ่นใหม่ๆ ก็มักจะมาพร้อมพาแนลคุณภาพดี ประสิทธิภาพสูง เช่น OLED หรือ IPS ซึ่งพาแนลเหล่านี้ ดีกว่าจอทั่วไปตรงที่ รายละเอียดและการเกลี่ยสี เม็ดพิกเซลที่ละเอียดกว่า ตอบสนองได้ไว ทำให้ภาพที่ได้มีความสมจริง คมชัดสดใส มุมมองที่กว้าง ตรงนี้หลายคนให้ความสำคัญครับ เพราะต้องเห็นได้ชัด ไม่ผิดเพี้ยนทั้งด้านซ้ายและขวา ลองเทียบกันดูระหว่าง IPS และ VA นี้ได้
แต่ในปัจจุบันพาแนล VA บนจอหลายรุ่น ก็ได้รับการพัฒนามาให้มีคุณภาพสูงขึ้น เหมาะกับการเล่นเกม และให้ภาพสีที่คมชัดได้ไม่แพ้ IPS เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีจอระดับพรีเมียมหลายรุ่น ก็ขยับไปที่ OLED หรือ QLED ที่เป็น Quantum Dot กันแล้ว ข้อดีก็คือ ให้ความสว่าง สีสันสดใส รองรับ HDR สูงๆ ได้ แต่ราคาก็จัดว่าสูงกว่าจอทั่วไปหลายเท่า ตัวอย่างเช่น Samsung Odyssey Neo 49” เป็นต้น
ล่าสุดก็มีจอมอนิเตอร์รุ่นใหญ่ 135″ จากทาง ASUS ในรุ่น ProArt Cinema PQ07 จอขนาดมหึมา ที่ใช้พาแนลแบบ micro LED สีสันสดใส ความสว่างสูงระดับ 2000-nits มากว่าจอทั่วไป 5-10 เท่าเรียกว่าสว่างสดใส เห็นภาพคมชัด มาพร้อมค่าความแม่นยำและขอบเขตสีที่กว่าง DCI-P3 95% เหมาะทั้งการโปรดักส์ชั่น การบรอดเคสและใช้เป็นความบันเทิงภายในบ้านได้อีกด้วย ส่วนเรื่องของราคาน่าจะจัดจ้านไม่แพ้กัน
และในด้านการแสดงผล ก็ยังมีความแตกต่างกันอีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น อัตรารีเฟรชเรตสูง สำหรับคนที่ใช้งานทั่วไป 60Hz ก็ถือว่าเป็นมาตรฐาน ราคาไม่แพง และปัจจุบันก็มีจอ 75Hz หรือ 100Hz มาแล้วในบางรุ่น
ซึ่ง Refresh Rate มีผลในการมองภาพไหลลื่น สบายตา ตรงนี้ตัวเลขยิ่งมาก ก็ยิ่งดี แต่ก็เหมาะกับเกมเมอร์มากกว่า เพราะทำให้มองภาพได้ชัด ในขณะที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อย่างที่หลายคนพูดว่า ไม่เกิดภาพติดตา หรือเป็น Ghost นั่นเอง ปัจจุบันมีจำหน่ายระดับ 360Hz ให้เลือกกันแล้ว เช่น MSI OCULUX NXG253R หรือจะเป็น DELL Alienware 25 รวมถึง AOC Agon AG254FG เป็นต้น
ถ้าเป็นคอเกม เครื่องแรง เน้นเล่นเกมลื่นสบายตา ผมอยากให้ลองจอคอมเล่นเกม Hz สูงๆ ที่มีเทคโนโลยี Adaptive Sync ไม่ว่าจะค่ายใดก็ตาม คุณจะเล่นเกมจนลืมวางเมาส์กันเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณไม่ได้เล่นเกมบ่อย เป็นคอมออฟฟิศหรืองานด้านการเรียนทั่วไป ก็อาจจะเน้นไปที่ขนาดพื้นที่หน้าจอเป็นหลัก หรือเลือกจอเกมมิ่งระดับเริ่มต้น 144Hz เล่นเกมได้ ทำงานก็ดี ช่วยประหยัดไปได้พอสมควร
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ จอราคาแพง ส่วนใหญ่ก็จะมีเทคโนโลยีเสริมด้านภาพเข้ามาด้วย โดยเฉพาะจอเกมมิ่ง ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้เฟรมเรตและอัตรารีเฟรชเรต ทำงานได้สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็น AMD FreeSync Premium หรือจะเป็น nVIDIA G-Sync ก็ตาม ซึ่งตรงนี้ก็จะแยกกันอีกครับว่า เป็น G-Sync Compatible, G-Sync และ G-Sync Ultimate ซึ่งก็จะมีความพิเศษที่ต่างกันออกไป เช่น รองรับ HDR, HDR300 ความคมชัดสูง ความหน่วงต่ำสุดเป็นต้น แต่ยิ่งเป็นเทคโนโลยีที่สูง ราคาก็จะสูงตามไปด้วยครับ
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการสนับสนุน HDR หรือ High Dynamic Range โดยจอที่สนับสนุน HDR นั้น จะให้ภาพที่มีความสดใส และให้เฉดสีได้ดีกว่าจอทั่วไป รวมถึงความมีมิติของภาพ ทำให้มองเห็นองค์ประกอบในภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการแสดงผลฉากสีดำ ฉากมืด ที่มืดลึก เข้มจริง จึงให้มิติและความสมจริง
จอคอมทั่วไปอาจจะรองรับมาตรฐาน HDR 8-bit แต่ในรุ่นใหม่ๆ ก็จะเป็น 10-bit หรือ 12-bit ไปแล้ว ยิ่ง Bit เยอะก็หมายถึงรายละเอียดที่มากขึ้น และปัจจุบันก็มีมาตรฐาน DisplayHDR เอาไว้การันตีจอในแต่ละรุ่นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น HDR400-HDR1400 หรือจะเป็น HDR TRUE Black 400-600 ก็ตาม
แต่ยิ่งเป็นจอที่มีมาตรฐาน HDR สูง ก็ย่อมมาพร้อมราคาที่สูงด้วยเช่นกัน ตัวอย่าง เช่น AOC AGON AG274QXM HDR1000 ราคา 25,000 บาทเป็นต้น ซึ่งถ้าคุณใช้งานทั่วไป เช่น งานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต เทรดหุ้นหรือเรียนออนไลน์ HDR Display ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป แต่ถ้าคุณใส่ใจในรายละเอียด ภาพ อยากได้ความสดใส หรือใช้ดูหนัง เล่นเกมเป็นประจำ จอเหล่านี้ค่อนข้างคุ้มค่าครับ
3.Resolution
บางครั้งจอถูกหรือจอแพง ย่อมมีสิ่งนี้เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งนะครับ เพราะเดี๋ยวบางท่านจะแย้งว่า จอ Full-HD ราคาสูงกว่า 2K ก็มีเหมือนกัน ในส่วนนี้อาจจะต้องดูวัตถุประสงค์เจตนาของผู้ผลิตด้วย ว่า พัฒนาจอคอมรุ่นนั้นๆ เพื่อผู้ใช้กลุ่มใด เช่น
ผู้ใช้ทั่วไป เรียนออนไลน์: อาจจะเริ่มต้นที่จอขนาด 24″ หรือ 27″ ตามความเหมาะสม ความละเอียด Full-HD 1080p ก็เพียงพอต่อการดูเอกสาร ทำงานด้านภาพ หรือการดูรายละเอียดการเรียน การสอนได้ชัดขึ้น หรือบางคนอาจจะใช้ในการคิดเงิน รายรับ-รายจ่าย หรือการพรีวิวภาพ ความละเอียดระดับนี้ก็เพียงพอ ราคาไม่สูงอีกด้วย
คนทำงาน ในออฟฟิศ: มีตัวเลือกที่หลากหลาย ถ้าเป็นการใช้งานด้านเอกสารทั่วไป จอคอม 24″ ก็เพียงพอ มองง่าย ติดตั้งสะดวก ความละเอียด Full-HD เป็นพื้นฐาน แต่ถ้าเป็นคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านภาพ ความละเอียดระดับ 2K ขึ้นไป ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะตกแต่งภาพ หรืองานวีดีโอพื้นฐาน แต่ถ้าใช้เป็นจอพรีเซนเทชั่น ในห้องประชุมเล็กๆ 29″ – 32″ ความละเอียด 2K ขึ้นไป ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า ในปัจจุบันจอระดับ 32″ 4K 60Hz ราคายังคงหลักพันบาทเท่านั้น
เกมเมอร์เริ่มต้น: หรืออีสปอร์ต ส่วนใหญ่จะเป็น 1080p Full-HD แต่มีอย่างอื่นเสริมเข้ามา เช่น พาแนลตอบสนองไว อัตรารีเฟรชเรตสูง และมีเทคโนโลยีช่วยให้ภาพดูลื่นไหล ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูงทีเดียว -ทำงานกราฟิก จอใหญ่ ความละเอียดสูง 2K หรือ 4K อัตรารีเฟรชเรตไม่ต้องสูง แต่ต้องให้ความแม่นยำสีและขอบเขตสีที่กว้าง เพื่องานมืออาชีพ แบบนี้ราคาก็ยิ่งสูง หากเป็นจอมืออาชีพ
เน้นความบันเทิง: จอใหญ่อาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่เรื่อง Resolution ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ และงบประมาณในกระเป๋า เพราะจอคอมใหญ่ แต่ภาพไม่ละเอียดมาก บางครั้งก็จะเห็นเป็นเม็ดๆ การเกลี่ยสีแสงอาจยังไม่ดีพอ แต่ราคาประหยัดกว่าจอใหญ่ ความละเอียดสูง ซึ่งได้ภาพที่ดูคมชัดสดใส และให้อรรถรสในการชมได้มากขึ้น
ทำงานระดับมืออาชีพ: การเก็บรายละเอียด ความคมชัดของภาพ ส่งผลต่อความถูกต้องของงาน และความเชื่อมั่นของลูกค้า จอทำงานจึงต้องมี Resolution สูง บางครั้งต้องมากกว่า 4K เพื่อให้การขยายภาพ หรือการเช็คความผิดพลาดให้มีน้อยที่สุด สีสันถูกต้องแม่นยำ ให้ขอบเขตสีที่กว้าง ไม่ว่าจะเป็น sRGB, Adobe RGB หรือ DCI-P3 ระดับ 100% ราคาจึงสูงกว่าจอใช้งานทั่วไปหรือใช้เล่นเกม
และในจอคอมบางรุ่น ยังให้ค่าความแม่นยำของสีที่สูงด้วย มาพูดกันในหัวข้อถัดไป
สัดส่วนจอหรือ Ratio 21:9 หรือกว้างพิเศษ เช่น UWQHD (Ultra Wide Quad High Definition) ความละเอียด 3440×1440 พิกเซล
สัดส่วนจอ 16:9 หรือ QHD (Quad High Definition) แบบทั่วไปจะให้ความละเอียดที่ 2560×1440 พิกเซล
4.ฟังก์ชั่น การปรับเลื่อน
ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของดีไซน์อยู่เหมือนกัน เพราะการออกแบบก็ต้องสอดคล้องกับฟังก์ชั่นด้วย จอพื้นฐานที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป ราคาประหยัด ส่วนใหญ่ปรับแต่งได้ไม่มาก เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย นั่ง ยืน หรือใช้จอร่วมกันหลายจอ ใช้งานกันหลายคน จอที่แพงขึ้น ก็อาจจะตอบโจทย์คุณได้มากกว่า อย่างเช่น การปรับเลื่อนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
Tilt: หรือ มุมก้ม-เงย สำหรับการปรับนั่ง ต่ำ สูงหรือยืน ตรงนี้มีส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับทั้งในสำนักงาน หรือคนที่อยากปรับรูปแบบการนั่ง เปลี่ยนอิริยาบถให้เข้าที่เข้าทางได้ตลอด ลดอาการออฟฟิศซินโดรมไปได้เยอะทีเดียว แต่ก็มักจะมากับจอคอมราคาสูง
Swivel: หรือหันซ้ายขวา ใช้ในการหันหรือเลื่อนให้คนข้างๆ ดูได้ เช่นการพรีเซนท์งานเบาๆ หรือใช้ในการสอนแนะนำสินค้า เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลย
Hight: ปรับความสูงของจอภาพเลื่อนได้ตามความสะดวก จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการใช้งานของทั้งเกมเมอร์ และในสำนักงาน ให้การเปลี่ยนการนั่งหรือยืนได้ ใช้คู่กับการปรับมุมก้มเงย เพื่อให้มุมมองที่ดีที่สุดในการทำงาน เล่นเกม หรือดูหนัง
Pivot: หรือการปรับหมุนจอภาพในแบบ 90 องศา เอามาใช้เป็นจอเสริม ท่องเน็ต หรือเสริมงานตัดต่อวีดีโอ พรีวิวภาพกสะดวก แต่นั่นล่ะครับ สะดวกจริง แต่คุณก็ต้องจ่ายเพิ่มกับจอเหล่านี้ไม่น้อยเลย และเป็นความต่างจากจอราคาประหยัดส่วนใหญ่ ที่มักจะแค่ปรับมุมก้ม-เงยได้เท่านั้น
อีกเรื่องหนึ่งนั่นคือ การปรับแต่ง OSD บนหน้าจอ ที่หากคุณอยากได้ฟังก์ชั่นที่ปรับได้ละเอียด มีโพรไฟล์โหมด และฟีเจอร์อื่นๆ ก็อาจจะต้องจ่ายมากขึ้น กว่าจอทั่วไป แต่ก็ได้ประโยชน์กลับมาเยอะขึ้น โดยเฉพาะคอเกม และคนทำงาน นั่นก็เพราะ
1.ปุ่มใช้งานง่าย ปรับแต่งได้สะดวก อินเทอร์เฟสเป็นกันเอง อย่างที่หลายคนเคยได้ใช้ เมนูจำง่าย บางรุ่นมีภาษาไทยให้เลือก ยิ่งการปรับเปลี่ยนแล้วมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในแบบ Realtime ก็ยิ่งน่าใช้มากขึ้น
2.มี Picture mode เลือกรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น เล่นเกม ดูหนัง ทำงาน หรือโหมดถนอมสายตา ซึ่งถ้าเป็นจอทั่วไป มักจะต้องตั้งเอง หรือปรับความสว่าง Contrast หรืออุณหภูมิสีเท่านั้น
3.โหมดพิเศษ เช่น Crosshair มีเป้าเล็ง, แสดงค่า Refresh rate, หรือตัวช่วยในการเล่นเกม อย่าง Black stabilizer หรือ Night Vision บนจอ MSI เป็นต้น 4.อีกเรื่องหนึ่งคุณมักจะเห็นอยู่ในจอราคาสูงๆ นั่นก็คือ Image sensor หรือ Brightness sensor ที่มีอยู่ในจอ Samsung หรือ MSI ตัวท็อปๆ สิ่งนี้ช่วยปรับแสงหน้าจอให้อัตโนมัติ เวลาที่แสงโดยรอบ มีการเปลี่ยนแปลง จอจะเพิ่ม-ลดแสงให้ทันที ลดอาการเมื่อยล้าสายตาได้ดีเลย
ล่าสุดยังมีจอแบบพิเศษ ที่เรียกว่า Dual Monitor, Dual screen หรือบางรุ่นอย่าง Geminos จากค่าย Mobile Pixel ก็เรียก Stack screen ซึ่งมาในแบบจอคู่ แต่เน้นไปที่การใช้งานแนวตั้ง เหมาะกับผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานในสำนักงาน ด้านภาพและวีดีโอ รวมถึงงานออนไลน์ และการเขียนโปรแกรมกับหน้าจอ 24″ Full-HD รีเฟรชเรต 60Hz พร้อมลำโพง และกล้องเว็บแคมในตัว เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านทาง USB-C โดยมีพอร์ตต่อพ่วงมาให้อีกมากมาย สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมี Monitor Arm อีกด้วย เคาะราคามาประมาณ 625USD หรือประมาณ 22,000 บาท
5.พอร์ตแสดงผล
จอราคาประหยัดใช้งานทั่วไป จะมีพอร์ตมาให้ค่อนข้างจำกัด เช่น VGA, HDMI หรือบางรุ่นจะมี HDMI มาให้ แต่ถ้าคุณต้องการใช้งานมากกว่านั้น เช่น มีหลาย Device ที่ต้องการต่อ หรือการใช้สัญญาณหลายช่องทางพร้อมกัน จอแพงๆ ก็จะมีพอร์ตมาให้เลือกใช้ได้แบบเหลือเฟือ เช่น HDMI, DisplayPort, USB hub, Line-out เรียกว่า คุณต่ออุปกรณ์ได้สะดวก ตั้งแต่คอม โน๊ตบุ๊ค พรินเตอร์ หูฟังและอื่นๆ เพียบ
ยังไม่รวมเรื่องของการสลับจอ สลับเมาส์ คีย์บอร์ด ใช้ร่วมกันได้หลายเครื่องในจอเดียว อย่างฟีเจอร์ KVM แค่ต่อเมาส์ คีย์บอร์ด เข้ากับจอ คุณก็คอนโทรลคอม 2 เครื่องได้พร้อมกัน นำมาใช้ประโยชน์ได้ในหลายๆ งานอีกด้วย
ส่วนสุดท้ายต้องถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ทำให้จอคอมมีราคาที่สูง นั่นก็คือ คุณสมบัติเรื่องค่าสี ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตสีที่กว้าง และความแม่นยำของสี ซึ่งมีผลอย่างมากในการทำงานด้านภาพ และวีดีโอ งานด้าน Production เช่น แต่งภาพ ทำกราฟิก 3D และแอนิเมชั่น
ซึ่งจะสังเกตจอคอมที่ใช้งานเหล่านี้ได้ง่ายๆ นั่นคือ จะระบุค่าของ sRGB, Adobe RGB, DCI-P3 ที่มากกว่า 100% หรือจะเป็นค่า Delta-E ที่น้อยกว่า 2 สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การทำงานด้านภาพและสี มีความแม่นยำมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และเป็นมาตรฐานเดียวกับบรรดาผู้สร้างภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือจะเป็นงานแอนิเมชั่นต่างๆ อีกด้วย ราคาจอเหล่านี้จึงค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับจอทั่วไปหลายเท่า แต่ให้ความคุ้มค่าในแง่ของธุกิจ
Conclusion
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เชื่อว่าหลายท่านที่จะซื้อจอคอมใหม่ ก็พอทราบข้อมูลอยู่แล้ว แต่ก็ย้ำอีกครั้งว่า จอถูกก็มีข้อดีหลายด้าน แค่เลือกให้เหมาะกับการใช้งานของตน เช่น จะมาใช้เป็นจอใด ทำงานหลัก หรือเอามาใช้เป็นจอเสริม หรือจะใช้สำหรับท่องอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นการเรียนรู้ เรียนออนไลน์ ใช้งานเอกสารทั่วไปเล่นเกม ดูหนัง หรือจะเน้นสีสันแม่นยำ ถูกต้อง ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ก็คงต้องดูตามความเหมาะสม
ถ้าต้องการจริงจังในเรื่องของภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง ดูหนัง เล่นเกม หรือการทำงานเฉพาะทาง แต่งภาพ ตัดต่อวีดีโอ จอแพง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งให้คุณใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ว่ากันตั้งแต่เรื่องภาพ สีสันสดใส ความเร็วการตอบสนอง หรืออย่างเกมเมอร์ที่เลือกจอราคาสูง ก็จะได้ฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้การเล่นเกมได้เปรียบมากขึ้น
หรือคนที่ทำงานด้านภาพ ความแม่นยำและการแสดงผลสีที่มีขอบเขตกว้าง sRGB, DCI-P3 หรือ AdobeRGB ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการผิดเพี้ยนของสี ก็ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตามไปด้วย นั่นอาจหมายถึงเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการแก้งาน รวมถึงความเชื่อมั่นที่อาจลดลงได้
เมื่อการทำงานงานและการเล่นเกมของคุณมีค่า การลงทุนกับจอคอม ที่อาจจะไม่ได้ซื้อเปลี่ยนกันบ่อยๆ ก็ดูจะเหมาะสม ส่วนคุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องของจอถูก vs จอแพงนี้ ก็สามารถคอมเมนต์มาได้ครับ เผื่อให้เพื่อนๆ ได้มีแนวทางในการตัดสินใจ